นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัท โตโยโบ (ประเทศไทย) จำกัด:

บริษัท โตโยโบ  (ประเทศไทย) จำกัด  (ต่อไปนี้เรียกว่าบริษัท” “เราหรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล”)  เคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกค้า คู่ค้า และลูกค้าใหม่ (ต่อไปนี้รวมกันเรียกว่าลูกค้าหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือท่านหรือลูกค้า”) และบริษัทจะพยายามในทุกวิถีทางเพื่อความโปร่งใสในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (ต่อไปนี้เรียกว่านโยบาย”) ได้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้สอดคล้องกับ  พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ..2562 (ต่อไปนี้เรียกว่าพรบ.คุ้มครองข้อมูลฯ”)  นโยบายฉบับนี้ปรับใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองหรืออยู่ภายใต้การควบคุม รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่อยู่ในการครอบครองขององค์กรอื่นๆ ซึ่งบริษัทมอบหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ของบริษัท    

อนึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคล หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

  1. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บโดยบริษัท

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อวัตถุประสงค์บางประการซึ่งเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัท  บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและข้อมูลอื่นๆ ซึ่งท่านได้แจ้งแก่บริษัทซึ่งเกี่ยวข้องกับท่านดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคล เช่น ชื่อ เพศ ภาพถ่าย วันเดือนปีเกิด ลายมือชื่อ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ที่ท่านได้มอบให้แก่เรา เป็นต้น 
  2. รายละเอียดการติดต่อ  เช่น ที่อยู่ทางไปรษณีย์ ข้อมูลการจัดส่ง ที่อยู่สำหรับการส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อิเมล์ ไอดีไลน์ (ID Line) บัญชีผู้ใช้เฟสบุค (Facebook Account)  ตลอดจนข้อมูลการติดต่อใดๆ ที่ท่านได้มอบให้แก่บริษัท
  3. ประวัติที่ออกโดยทางราชการ  เช่น บัตรประชาชน ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หรือหนังสือเดินทาง  หมายเลขประกันสังคม การเข้าออกเมือง  และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 
  4. ข้อมูลทางการชำระเงิน เช่น รายละเอียดบัญชีธนาคาร ข้อมูลการเกี่ยวกับภาษีอากร ข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต หมายเลขบัตรเดบิต/เครดิต รายละเอียดการชำระเงิน  ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน และข้อมูลทางการเงินอื่นๆ 
  5. ข้อมูลทางด้านไอที เช่น ข้อมูลในการเข้าถึงระบบไอทีและเครือข่ายของบริษัท เช่น หมายเลขไอพี  ไฟล์ และอุปกรณ์ซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ต่างๆ 
  6. ข้อมูลรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้าถึงและการใช้ (เพื่อการติดต่อบริษัท) และการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด 
  7. ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งพื้นที่ เช่น ตำแหน่งพื้นที่ของอุปกรณ์ของท่านเมื่อท่านใช้บริการของเรา เช่น ข้อมูลจาก GPS Wifi เข็มทิศ เครื่องวัดความเร่ง หรือการตรวจจับการเคลื่อนไหวอื่นในอุปกรณ์ของท่าน 
  8. ข้อมูลด้านการตลาดและการขาย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า และข้อมูลที่ได้รับจากการใช้บริการของเรา  การใช้โซเชียลมีเดีย  ตลอดจนรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ 
  9. ข้อมูลการใช้เวปไซด์ เช่น เมื่อคุณเข้าชมเว็ปไซด์ของเรา เราอาจจัดเก็บข้อมูล IP address ของคุณ ข้อมูลตำแหน่ง ประเภทของบราวเซอร์ ระบบการทำงาน เว็ปไซด์ที่อ้างอิง ความสนใจและการใช้โปรแกรมผ่านคุกกี้ และเทคโนโลยีติดตามอื่นๆ 

ข้อมูลส่วนบุคคลที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง  โดยบริษัทอาจจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่กล่าวถึงไว้ข้างต้น  บริษัทอาจจะมีการปรับปรุงนโยบายนี้เป็นครั้งคราวเพื่อที่จะให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลส่วนบุคคลและให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทอาจจะเก็บรวบรวมข้อมูลละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) ยกตัวอย่างเช่น เชื้อชาติ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในศาสนา ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน และประวัติอาชญากรรม ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ  บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลละเอียดอ่อนดังกล่าวจากท่านโดยบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ที่บริษัทอาจจะไม่ต้องขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

  1. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมได้  ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม 
  2. เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 
  3. เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฎิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย 
  4. เพื่อประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร  หรือการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพ ความปลอดภัยด้านการสาธารณสุข 
  5. เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ ตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลฯ 

หากท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่เรา (เช่น แนะนำลูกค้าใหม่ บุคคลที่อ้างอิง และผู้อ้างอิง) เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ  กรุณาแจ้งบุคคลเหล่านั้นให้ทราบถึงนโยบายฯ ฉบับนี้ และ/หรือขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นในกรณีที่จำเป็นสำหรับบริษัท

  1. ฐานทางกฎหมายในการจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทจะปรับใช้ฐานทางกฎหมายที่เหมาะสมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้พรบ.คุ้มครองข้อมูลฯ  ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้จะนำมาปรับใช้เพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 

  1. ฐานความยินยอม (Consent)  
  2. ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต (vital interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล 
  3. ฐานสัญญา (contract obligations) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฎิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น 
  4. ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (legal obligations) เป็นการปฎิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล 
  5. ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (legitimate interest) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล  เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 
  6. เพื่อประโยชน์สาธารณะ (Public interest)  เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการใช้สิทธิของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ 

อย่างไรก็ดี บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องขอความยินยอม  โดยอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นเพื่อความจำเป็นในการปฎิบัติตามสัญญาหรือฐานทางกฎหมายอื่น

  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า  เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งหรือมากกว่านั้นดังต่อไปนี้ 

  1. เพื่อการจัดหาสินค้าและบริการให้แก่ท่าน ยกตัวอย่างเช่น การเข้าทำสัญญาและจัดการความสัมพันธ์ตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน เพื่อสนับสนุนและดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ทีเกี่ยวข้องกับบริการ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ การให้บริการหลังการขาย การรับประกันสินค้า เป็นต้น  
  2. เพื่อให้การบริการหรือข้อมูลซึ่งท่านได้เรียกร้อง 
  3. เพื่อที่จะแจ้งและแนะนำสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องซึ่งท่านอาจสนใจ  
  4. เพื่อการติดต่อและสื่อสารกับท่านซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือการให้บริการ 
  5. เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างของกิจการ (เช่น ควบโอนกิจการ การได้มาซึ่งหุ้น/สินทรัพย์ หรือการขายสินทรัพย์ เป็นต้น) 
  6. เพื่อบริหารจัดการด้านภาษีอากร เช่น การออกใบกำกับภาษี ฯลฯ 
  7. เพื่อการปกป้องสิทธิหรือการใช้สิทธิตามสัญญาและสิทธิตามกฎหมายและมูลหนี้ต่างๆ 
  8. เพื่อปฎิบัติตามกรณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมข้างต้น 

กิจกรรมข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างไม่ได้ครอบคลุมในประเด็นต่างๆทั้งหมดโดยบริษัทอาจจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่คล้ายคลึงหรือเกี่ยวข้องตามกฎหมายและกฎหมายระเบียบต่างๆ 

  1. บริษัทเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้อย่างไร ? 

บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนของลูกค้า คู่ค้า ลูกค้าใหม่ ได้ในหลายช่องทาง  บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านทั้งทางตรงและทางอ้อม  บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณมาจากบุคคลที่สาม พันธมิตรทางธุรกิจ สมาคม มูลนิธิ ผู้ให้บริการ หรือหน่วยงานภาครัฐ   

  1. ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล 

โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาจากท่าน   และเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่า ข้อมูลของท่านนั้นเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และถูกต้อง  ท่านกรุณาแจ้งบริษัทให้ทราบในกรณีที่ข้อมูลของท่านได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยท่านอาจแจ้งบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรหรืออิเมล์ โดยมีรายละเอียดการติดต่อข้างท้ายนี้ 

  1. การเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทอาจเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้ดังต่อไปนี้  

  1. กลุ่มบริษัทหรือบริษัทในเครือ    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทในเครือไม่ว่าบริษัทในเครือนั้นจะตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ เพื่อการบริหารและจัดการเกี่ยวกับการให้บริการของเรา ซึ่งรวมถึงการขายและการทำการตลาด   
  2. บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ให้บริการหรือตัวแทนต่างๆ   บริษัทอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ให้บริการแก่บริษัท  เมื่อบริษัทได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลภายนอก  บริษัทจะดำเนินการเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลภายนอกบนหลักการรับทราบข้อมูลเท่าที่ควรจะรู้  ตลอดจนเงื่อนไขตามสัญญา และคำสั่งใดๆในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ในการให้บริการต่างๆ นั้น ผู้ให้บริการอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ให้บริการของบริษัทเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับการให้บริการดังกล่าวเท่านั้น  และจะขอให้ผู้ให้บริการไม่ใช้ข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นแต่อย่างใด

  1. พันธมิตรทางธุรกิจ   อาจมีการเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลอื่นๆ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งความเป็นเจ้าของไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น การซื้อขายหุ้นหรือสินทรัพย์ของบริษัท  การควบรวมกิจการหรือกิจการร่วมค้า  โดยคู่สัญญาจะต้องผูกพันตามสัญญาหรือมีหน้าที่หรือข้อกำหนดใดๆ ในการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตามนโยบายฉบับนี้ 

บริษัทอาจจะโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังพันธมิตรทางธุรกิจของเราในธุรกิจต่างๆเช่นโลจิสติกส์โกดังสินค้าชิปปิ้งตัวแทนออกของเป็นต้น 

  1. สมาคมหรืองค์กรต่างๆ   บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับสมาคมต่างๆ เช่น สมาคมตัวแทนออกของ  สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย ฯลฯ  
  2. ที่ปรึกษาต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ ที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์ 
  1. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลออกจากประเทศไทย 

บริษัทอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ  ซึ่งต่างประเทศนั้นอาจจะมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่แตกต่างกันไป  อย่างไรก็ตาม บริษัทจะโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ (รวมถึงกลุ่มบริษัท หรือบริษัทในเครือที่อยู่ในต่างประเทศ)  ให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัว  โดยมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ นอกจากนั้นบริษัทอาจจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลออกไปยังต่างประเทศ  ภายใต้ข้อยกเว้น พรบ.คุ้มครองข้อมูลฯ ดังต่อไปนี้ 

  1. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
  2. ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว 
  3. เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น 
  4. เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ 
  5. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น  เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ 

บริษัทอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ต่างประเทศและอยู่ในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกันเพื่อการประกอบกิจการหรือธุรกิจร่วมกัน  โดยบริษัทกำหนดให้มีนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ซึ่งนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะรวมถึงหลักการทั่วไปในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทจะจัดให้มีมาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมสามารถบังคับตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการต่างๆเพื่อทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกโอนอย่างปลอดภัยและบุคคลที่รับโอนข้อมูลนั้นมีระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม

  1. ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องได้บัญญัติหรือกำหนดไว้  

บริษัทจะหยุดการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือนำข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องของท่านออกจากฐานข้อมูลในทันทีที่การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวนั้นไม่มีความจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและไม่มีความจำเป็นตามกฎหมายและทางธุรกิจ 

  1. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

พรบ.คุ้มครองข้อมูลฯ บัญญัติสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ดังต่อไปนี้ 

  • สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล   ทั้งนี้เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของท่าน  บริษัทขอสงวนสิทธิขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนจะให้ท่านเข้าถึงข้อมูล 
  • สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ 
  • สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (หรือเรียกอีกว่า สิทธิที่จะถูกลืม) – เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ยกเว้นในกรณี การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของบริษัทนั้นเป็นไปเพื่อการปฎิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อการใช้ หรือการปกป้องสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย 
  • สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในบางกรณี 
  • สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล  เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล  และขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น 
  • สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม กรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้  ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมของท่านได้ตลอดเวลา 
  1. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมทั้งมาตรการทางเทคนิคและมาตรการทางองค์กรเพื่อสร้างความมั่นใจในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในระดับที่เหมาะสม 

เพื่อป้องกันการสูญหายเข้าถึงใช้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ  บริษัทได้จัดให้มีการบริหารงานที่เหมาะสม ทั้งมาตรการทางองค์กร กายภาพและทางเทคนิค  ยกตัวอย่างเช่น การลงโปรแกรมต่อต้านไวรัสที่ทันสมัย  การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) และการใช้อุปกรณ์ป้องกันความเป็นส่วนตัวเพื่อที่จะทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทจัดเก็บและส่งต่อปลอดภัย  นอกจากนั้น บริษัทจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทั้งภายในองค์กรและบุคคลที่สามซึ่งมีอำนาจให้บริการแก่บริษัท ตลอดจนตัวแทนต่างๆ โดยการเปิดเผยนั้นอยู่บนพื้นฐานที่บุคคลดังกล่าวควรจะรู้เท่านั้น 

  1. การติดต่อ 

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีคำถามใดๆเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้หรือมีคำถามเกี่ยวกับการดำเนินการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน  ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่อีเมล์ [email protected] ในกรณีที่มีการแก้ไขข้อมูลล่าสุดหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าคู่ค้าหรือลูกค้าใหม่  ท่านโปรดแจ้งบริษัท ซึ่งบริษัทจะได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน 

  1. การแก้ไขและเปลี่ยนแปลง

บริษัทอาจแก้ไขนโยบายนี้ได้เป็นระยะโดยไม่ต้องแจ้งท่านล่วงหน้า  ท่านสามารถพิจารณาการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้โดยพิจารณาได้จากวันที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้   อนึ่ง นโยบายที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงแล้วจะถูกเผยแพร่ในเว็บไซด์นี้  การที่ท่านยังคงใช้งานเว็บไซด์ของบริษัทต่อไป สามารถพิจารณาได้ว่าท่านยอมรับนโยบายฉบับนี้แล้ว โดยในบางครั้ง  บริษัทอาจจะแนะนำท่านถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่สำคัญ ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ 

นโยบายฉบับนี้ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565

Main Menu

ไซต์นี้ใช้คุกกี้จากเราและพันธมิตรของเราเพื่อให้ประสบการณ์การท่องเว็บของคุณมีประสิทธิภาพ มีความเกี่ยวข้อง สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในบางกรณี สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อการทำให้ไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยการเข้าถึงเว็บไซต์นี้ โปรดกด “ตกลง” ถ้าคุณยินยอมให้ใช้คุกกี้ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าของคุณได้ที่ “การตั้งค่าคุกกี้” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าคุกกี้
ตกลง
ไซต์นี้ใช้คุกกี้จากเราและพันธมิตรของเราเพื่อให้ประสบการณ์การท่องเว็บของคุณมีประสิทธิภาพ มีความเกี่ยวข้อง สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในบางกรณี สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อการทำให้ไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยการเข้าถึงเว็บไซต์นี้ โปรดกด “ตกลง” ถ้าคุณยินยอมให้ใช้คุกกี้ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าของคุณได้ที่ “การตั้งค่าคุกกี้” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าคุกกี้
ตกลง